วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ฮ่องกง-มาเก๊า ตอนที่2


บันทึกการเดินทาง ฮ่องกง-มาเก๊า ประสบการณ์ที่ยากจะลืม ตอนที่ 2


กลับไปดูความเดิมตอนที่แล้ว ฮ่องกง-มาเก๊า ตอนที่ 1



      ความเดิมจากตอนที่แล้ว ทั้ง 8 พองเพื่อนร่วมชะตากรรม กำลังจะออกเดินทางจากสุวันนะหะพูหมี ประเทศไทย สู่ ประเทศมาเก๊า โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย และอย่างแรกที่เรารับรู้ร่วมกันก็คือ ทั้ง 8 คนไม่เคยมีใครไป ฮ่องกง-มาเก๊า มาก่อนเลย อุ๊บ แล้วมันจะรอดไหมเนี่ย มาติดตามกัน

      หลังจากที่เราทักทายกันพอเป็นพิธี เราก็ไปต่อคิวเพื่อ check in และโหลดกระเป๋า ระหว่างนั้นก็ยืนคุยกันไปด้วย ปูกะมนัส เป็นเพื่อนหน้าใหม่ป้ายแดงสำหรับพวกพี่ต้อย พี่สัน อารี และสั้น เรากะนิวก็ต้องทำหน้าที่ แนะนำให้ทั้งหมดได้รู้จักกัน แต่ก็ยังเกรงๆเกร็งๆกันอยู่ ยังไม่คุ้นเลยยังไม่ปล่อยของกัน(จริงๆแล้วของแรงกันทุกคน) เรายืนคุยกันไปคุยกันมา แถวอื่นๆก็ทยอยไปกันหมดแล้ว เหลือแต่แถวเรานี่แหละ โอ้ววว เป็นเพราะมีคนมีปัญหาอยู่หน้าเราหัวแถวของเรานี่เอง แล้วงี้จะถึงคิวเราเมื่อไรเนี่ย กว่าจะได้ check in พอถึงคิวเรา พนักงานบอกผมซึ่งเป็นผู้รวบรวมเอกสารเพื่อนเพื่อ check in ว่า เดี๋ยว check in เสร็จ ให้รีบวิ่งเลยนะคะ เพราะ gate อยู่ไกลมากมาย อยู่สุดทางเลยค่าา โอ้วแม่เจ้า ไอ้พวกร่วมชะตากรรม มันไม่อยู่ตรงนั้น เพราะมันเอาใบ ตอมอ ไปเขียนอยู่อย่างสบายอารมณ์ กระเป๋าของพวกเราขาไปไม่มีปัญหาเท่าไร เพราะว่าเตรียมกระเป๋าโล่งๆไปขนของกัน ยกเว้นของยัยนิวคนเดียวนี่แหละ เค้าให้คนละ 15 โล คุณเธอขนไรไปนักก็ไม่รู้ 18-19 โลนู่น เดี๋ยวหลังๆจะรู้ว่าทำไมมันหนักขนาดนั้น จริงๆบอกเลยก็ได้ คุณเธอขนพร็อพไปถ่ายรูป เหมือนกองถ่ายขนของไปให้นางแบบอ่ะ แต่ไม่เป็นไรน้ำหนักทั้งหมดยังแชร์กันได้ เพราะเราไปหลายคน แต่ก็นะ 19 โล หึหึ

      กลับมาเรื่องต้องรีบวิ่ง เราอุตส่าห์มากันก่อนเวลาแล้วนะ แต่แถวที่เราต่อ ดันช้าเอง นาทีนี้เราต้องรีบวิ่งขึ้นเครื่องนะ แต่ไอ้พวกนั้นยังไม่รู้เรื่อง เรา check in เสร็จ กลับหลังหันไปบอก พวกนั้นว่า เฮ้ยเครื่องจะออกแล้ว วิ่งงงงงงงงงง แต่ละคนตาลีตาเหลือก เก็บสัมภาระ ออกตัว 4x100 โอ้ววว มันไกลจิงๆ gate สุดท้ายเลยอ่ะครับ เวลานั้น 6 โมงเช้าจะ 7 โมง เหมือนเราได้ลุกขึ้นมาวิ่งตอนหกโมงเช้า ซึ่งแน่นอนไม่เคยกันมาก่อน พอระหว่างทางวิ่ง เพื่อนสั้นบอกว่า ไม่ต้องรีบหรอก ตอนมันไปเกาหลีอ่ะ ถ้ามีคนมาสายหรือว่าเราเป็นชุดสุดท้ายเนี่ย ต้องมีเจ้าหน้าที่ ถือวอเดินย้อนกลับมาตามแล้ว ทุกคนเริ่มสบายใจได้ 2 วินาที เสียงมาจากข้างหน้า "รีบเลยครับ เครื่องจะออกแล้วครับ วอ 1 เรียก วอ 2 เปลี่ยน ชุดสุดท้ายมาแล้ว ครืดดดดดดด(เสียงวอ)" ทุกคนมองหน้าสั้น แล้วคิดในใจเออจริงของแกวะ มีคนมารับพวกเราจริงๆด้วย ทุกสายตาที่รอขึ้นเครื่องกลับมามองไอ้พวกเสล่อ 8 คนอย่างหยามเหยียด ประมาณว่า "พวกกรูรอเมิงงงงงอยู่นะ ฮึ่มๆ ยังจะมาขำอีก" คือพวกเราขำไอ้คนถือวอนั่นแหละ

      และแล้วพวกเราก็ขึ้นเครื่องมาได้ด้วยดี เครื่องกะลังจะออกแล้ว มีไอ้ปูคนเดียวที่เพิ่งขึ้นเครื่องครั้งแรก 555 ท่าทางมันกลัวๆดมยาดมใหญ่เลย แต่เอาเข้าจริงมันกลัวทริปล่มมากกว่ากลัวเครื่องบินนะ เพราะเบี้ยวมันมาหลายงาน เครื่องออกทยานสู่ท้องฟ้าช่วงเช้าของวันที่ 26 พฤษภา 53 พวกเราชมท้องฟ้ายามเช้าบนเครื่องบินแสงช่างงดงาม แต่หันกลับมาอีกทีน้องนางนิวหลับไปซะแล้ว เฮ้ออออออ ระหว่างทาง พนักงานต้อนรับบนเครื่องแจกใบ ตอมอ ของมาเก๊าให้เราเขียนเตรียมไว้ เราใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เราก็ถึงสนามบินมาเก๊าเวลาประมาณ 10 โมง แต่เราต้องปรับเวลานาฬิกาทุกคนเป็น 11 โมง เนื่องจากเวลาที่นั่นเร็วกว่าประเทศไทยประมาณ 1 ชั่วโมง นะ (เหมือนเราขาดทุนไป 1 ชั่วโมงเปล่าฟ่ะ)

      เย้ๆๆๆ ทุกคนเพื่อนผองน้องพี่ต่างดีใจ ได้หนีออกนอกประเทศกันมาสำเร็จแล้ว หลังจากลงเครื่องก็เดินเข้าตัวอาคารสนามบินต่อคิวตรวจเอกสารที่ ตอมอ และปั๊มตราเข้าประเทศมาเก๊า ทุกคนผ่านมาได้ปกติ แบบทำๆตามคนข้างหน้าเค้าไป ทำตัวเหมือนเคยมาเป็นสิบๆครั้ง ก็ผ่าน ตอมอ ของมาเก๊า มาได้อย่างสบายทุกคน ยกเว้น พี่ต้อย ที่เพื่อนๆทุกคนเป็นห่วง ว่าจะไม่ผ่าน ตอมอ เพราะว่า รูปใน passport เป็นหญิง แต่ร่างจริงนั้นเหมือนชายร่างกำยำคนนึง อืมมมม น่าเห็นใจ ตอมอ แต่แล้วก็ผ่านมาได้ แต่ขอบอก เป็นห่วงพี่ต้อยกันทุก ตอมอ ทั้งมาเก๊า ฮ่องกง ทั้งขาเข้า ขาออก เลยทีเดียว ระหว่างที่ต่อคิว คุณนิวแนะนำพี่ต้อยว่าเวลาเค้าปั๊มตราให้แ้้ล้วให้ขอบคุณเค้าด้วย ขอบคุณเป็นภาษาจีนนะ โดยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า "เก๋าเจ้งค่ะ" แต่ทว่า พี่ต้อยยังพอมีความรู้อยู่บ้าง เลยไม่ทำตาม ไม่งั้นคงจบชีวิตตั้งแต่ ตอมอมาเก๊า โดนส่งตัวกลับประเทศแน่ๆ

      หลังจากผ่าน ตอมอมาเก๊าขาเข้ามาได้ ก็มานั่งรอวางแผนกันว่าชีวิตต่างแดนของพวกเราจะดำเนินต่อไปอย่างไร ไอ้ปูผู้กำข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือราวกับว่า ถ้ามันหายหัวไป พวกเราเดือดร้อนแน่ ปูบอกว่า เราต้องขึ้นรถบัสของเวเนเชียน เพื่อไปต่อรถของเวเนเชียนอีกคัน เพื่อไปท่าเรือ โดยไม่เสียเงิน ประมาณว่าอาศัยรถเค้าไปว่างั้น เพราะเค้ามีบริการอยู่แล้ว เราก็เริ่มลากกระเป๋ากันไปขึ้นรถ กระเป๋าทุกคนดูเหมือนไม่เป็นปัญหาเท่าของยัยนิว เหมือนคุณเธอเอากระเป๋ามาทำโต๊ะญี่ปุ่น แล้วตัวแค่นั้นลากใหญ่เกิ๊น เลยต้องตกเป็นหน้าที่แฟนที่ดีอย่างเราลากให้ แต่สังขาีรเราก็นะลากไปก็ปวดหลังไป แต่ก็นะเต็มใจลากนะ เราก็ออกจากสนามบิน ด้วยรถของเวเนเชียน ที่จอดอยู่ข้างๆสนามบิน มุ่งหน้าไปเวเนเชียน แป๊บเดียวครับ ออกมาแป๊บเดียวผ่านมหาวิทยาลัยมาเก๊า ก็จะเห็นตึกเวเนเชียนอยู่ใกล้ๆแล้ว ประมาณไม่เกิน 10 นาทีได้ ก็ถึงเวเนเชียนแล้วครับ ถึงแล้วเย้ๆ ทีนี้ไงต่อละงงละครับ ต้องต่อรถตรงไหน หัวหน้าหมู่กระทิงปู ก็ไปถามพนักงานที่เวเนเชียนจับใจความมาได้ว่า west lobby เอาละครับคำ 3 พยางค์ หมู่กระทิงต้องออกเดินทางไกลหา RC กันแล้วครับ west แปลว่าตะวันตก งั้นก็ต้องเป็น lobby ทางตะวันตก อืมมม แล้วตะวันตกมาเก๊า กะ ตะัวันตกเมืองไทย มันทางเดียวกันไหมอ่ะ หลังจากเดินเข้าไป ก็ยึดหลักการเดิม ตามๆเค้าไป คิดซะว่ายังไงไอ้พวกนี้มันก็ต้องไป west lobby แน่ๆ ฮ่าๆๆๆ ก็ตามๆๆ ไปจนถึงบ่อน เฮ้ยมันสุดทางแล้วนะ เจอบ่อนแล้ว เก้ๆกังๆ ไม่กล้าเข้า ไม่รู้ว่าจะเสล่อลากกระเป๋าเดินทางเข้าบ่อนได้หรือเปล่า เพราะคิดว่าหลังบ่อนต้องเป็น west lobby แน่ ไอ้ปู นิว อารี พี่ต้อย พยายามเดินอ้อมบ่อน แต่ก็อ้อมไม่ได้ยังไงก็ต้องผ่านบ่อน ประกอบกับตอนนั้นเราเห็นคนลากกระเป๋าออกมาจากบ่อนพอดี อืมม แสดงว่าเข้าได้ เราก็ลากผ่ากลางบ่อนเลยครับ ลากไปดูเค้าแทงไปตามโต๊ะต่างๆ อืมม น่าเล่นเหมือนกันนะเนี่ย สุดท้ายเราก็ไปโผล่ west lobby จนได้ เป้าหมายต่อไปของหมู่กระทิงคือ ท่าเรือชุนวานเพื่อนั่งเรือเฟอรี่ไปฮ่องกง โดยรถบัสรับส่งของเวเนเชียนเหมือนเดิม พอเราออกมาประตูฝั่ง west lobby เราก็จะเจอกับท่ารถทันที ก็หาป้ายท่าเรือ แล้วก็ยืนรอต่อคิวขึ้นรถ

      รถมาแล้วววว เอากระเป๋าไว้ใต้รถขึ้นรถจับจองพื้นที่ เต็มแล้วออกเลยไม่มียืน เราก็ออกเดินทางจากเวเนเชียนไปท่าเรือ ด้วยรถฟรีอีกเช่นเคย รถพาไปถึงท่าเรือ รถจะจอดฝั่งตรงข้ามท่าเรือ หมู่กระทิงลากกระเป๋าข้ามถนน แล้วจะข้ามไปท่าเรือฝั่งตรงข้ามยังไงละ สูตรเดิม ตามๆเค้าไป สักพักก็ โอ้ววว เราเจอทางรอดแล้ว เราต้องข้ามถนนโดยลงทางรอดใต้ถนน ดีนะที่เค้าไม่มีสะพานลอยไม่งั้นตายแน่ แค่ลากกระเป๋าข้ามถนนด้วยทางรอดก็แทบแย่ หัวหน้าหมู่กระทิงปู ก็ไปติดต่อซื้อบัตรเรือเฟอรี่ ทีแรกว่าจะซื้อไปลงท่าเรือชุนวานฮ่องกง แต่ก็ยืนทำเก้ๆกังๆอยู่ ก็มีำพนักงานออกมาถามว่า ยูจะไปไหน ฮ่องกงหรือเกาลูน หัวหน้าหมู่ปูก็บอกไปว่าจะข้ามไปฝั่งเกาลูน เพราะว่าเราพักที่เกาลูน เค้าก็แนะนำว่าให้ซื้อบัตรไปเกาลูนตรงๆเลย โอเคเราก็ได้ไปซื้อบัตรเฟอรี่รอบ 12.30 ค่าเรือประมาณคนละ 146 เหรียญ คูณ 4.2 เอาเองนะ ถ้าเค้าไ่ม่มาถามเรา เราต้องนั่งไปลงฮ่องกง แล้วนั่งรถไฟใต้ดินต่อมาเกาลูนเรื่องเยอะอีก หลังจากได้เวลาก็รีบลากกระเป๋าไปขึ้นเรือเพราะกลัวจะไม่ทันอีก พอถึงประตูทางเข้า ในขณะที่เพื่อนๆยังยืนลังเลกันอยู๋ สั้นก็ลากกระเป๋าข้ามแผงเหล็กกั้นไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่รีบวิ่งมาบอกประมาณ "ไม่ช่ายๆๆๆ ของยูทางนู้นนนนนน" ชี้ไปอีกทาง ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮากันอีกแล้ว หลังจากนั้นสั้นก็รีบลากกระเป๋าออกมาอย่างรวดเร็ว มาถึง ตอมอ ขาออกจากมาเก๊า ตัวเราเองก็ได้ทำเสล่ออีกแล้วครับท่าน ไปเข้าช่องที่เป็นช่องสำหรับประชาชนชาวมาเก๊าเค้า เจ้าหน้าที่ตอมอเค้าทำหน้าเฉยๆไม่พูดไม่จาพร้อมค่อยๆยกมือชี้ให้ดูป้าย และคงนึกในใจว่า(คนมาเก๊าอ๊ะเปล่า คล้ายๆคนไทยอ๊ะเปล่าาาา) 555 ต้องรีบเผ่นออกมาจากช่องนั้นแทบไม่ทัน ต้องมาเข้าช่องอีกช่องที่ป้ายไฟเขียนว่า Visitor ครับ ก็ผ่านมาได้อย่างฮาๆ มาถึงเรือเฟอรี่ พนักงานต้อนรับบอก กาเป๋าว้ายด้านหลัง หือออ เราได้ยินไม่ผิดใช่ไหม หรือผิด เค้าพูดไ่ทยด้วยเหรอ ไม่รู้อ่ะ แต่ก็ลากกระเป๋าไปเก็บไว้หลังเรือ หน้าห้องน้ำ ถ้าตั๋วเราอยู่โซนหลังเรือ แต่ถ้าเลขตั๋วอยู่โซนหน้าเรือ ก็เอาไปเก็บไว้ตรงแผงเหล็กด้านหน้าเรือ

      เืรือออกจากมาเก๊า แย้วววว มุ่งหน้าสู่ฮ่องกง ระหว่างเรือเดินทางพนักงานก็เอาใบ ตอมอ เข้าประเทศฮ่องกงมาให้เราเขียน ก็เขียนกันไป ปัญหาตอนนี้มีอย่างเดียวที่เหมือนๆกันหมด คือหิวมากกกกกกกก เดินทางแบบรีบๆเร่งๆแต่เช้าจนถึงตอนนี้เวลา บ่ายโมงกว่าๆ แล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ทุกอยากกินข้าว อยากกินอะไรก็ได้ตอนนี้ คุณมนัสกะไอ้ปู ไปซื้อน้ำองุ่นกินที่ท่าเรือ ราคา 25 เหรียญ แลเหมือนถูก แต่ถ้ามาคิดราคาเงินไทย น้ำองุ่นถุงนั้น 100 บาทกว่าๆไทยเลยครับ ทุกคนลงความเห็นว่า อย่าไปคิดเป็นเงินไทยดิ ฮ่าๆๆๆ ปลอบใจตัวเองกันไป ตอนหลังข้ามมาฮ่องกง มาเจอในเซเว่นราคา 20 เหรียญ ก็ราวๆ 80 บาทไทย ผมก็ลองซื้อมาชิมก็อร่อยดีนะครับ นั่นแหละครับก็มีน้ำอวุ่นประทังชีวิตกะขนมถุงเล็กๆ สำหรับพวกเรา พี่สันเค้าควักมาม่าขึ้นมา โอ้วพระเจ้า ตะโกนบอก ขอด้วยซองนึง พวกเราต่างบีบมาม่ากินกันแบบแห้งๆราวกับว่า เป็นอาหารมื้อโปรด จกกันมือเลอะผงชูรสกันทุกคน ก็บรรเทาความหิวไปได้บ้าง เรือเฟอรี่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงท่าเรือฮ่องกง ลงเรือก็ต้องเดินไปที่ ตอมอ ฮ่องกง ซึ่งไกลมาก ต้องเดินๆๆๆๆและเดิน ขึ้นบันไดเลื่อนไปอีกชั้น แล้วก็เดินอีก เดินๆๆๆ ถามว่ารู้ได้ยังไงว่า ตอมอ อยู่ตรงไหน สูตรเดิมครับ ตามๆเค้าไป หลังจากมาเจอ ตอมอ ก็ยืนต่อคิว ปัญหาที่สองของพวกเรา นอกจากหิวแล้ว คือ แขก ครับ แขกเจ้าปัญหา ที่เจอคือ เวลาเราเดินมาจะถึง ตอมอ จะต่อคิว ไม่้รู้มันวิ่งมาจากไหนครับตัดหน้าต่อคิวก่อนเราเฉยๆ แล้วพวกมันก็มากันเป็นคณะครับ พวกเราแทรกซึมอยู่ในแขกเหมือนเป็นสายลับ เพราะแยกย้ายไปคนละแถว เพื่อให้เร็วๆ ปัญหาต่อมาเริ่มมาครับ กลิ่นตัวแขกครับ หิวก็หิว เหม็นก็เหม็น โอ้ย มึน แถมตามมาด้วยเสียงดังโวกแวกราวกับพวกของมันราวกับว่ามันมากันแค่พวกมัน ไม่ได้เห็นหัวพวกเรา 8 คนเลย หันซ้าย หันขวา มองหาคนไทย ก็ไม่มีเลยครับวันนั้น เค้าคงใช้โปรแกรมเที่ยวคนละแบบกับพวกเราชาวหมู่กระทิง อิง อิงงงงงงงง

      ผ่านจุดนี้มา เราต้องเิดินทางต่อครับไปโรงแรมที่พัก วันนี้เป็นวันแห่งการเดินทางจริงๆครับ จากท่าเรือเราต้องไปโรงแรมโดยแท๊กซี่ครับ เดินตามทางมีป้ายแท๊กซี่บอก ต้องลงลิฟท์เพื่อไปจุดจอดแท๊กซี่ด้านหลัง หัวหน้าหมู่กระทิงต้องติดต่อรถแท๊กซี่สองคัน โดยบอกว่าไป Grand View Hotel คันแรกไม่ไป เพราะมันไม่รู้เรื่องกะหัวหน้าหมู่ของเรา ลองคันสอง I will go to Grand View Hotel at Grand View Road พร้อมกางแผนที่ พร้อมกับชี้โบ้ชี้เบ้ ปรากฏว่ารู้เรื่องครับ go go go เอากระเป๋าเก็บท้ายรถ แล้วก็ขึ้นไปนั่ง แต่ด้วยหน้าที่ของหัวหน้าหมู่กระทิง ต้องไปติดต่ออีกคัน ให้อีกสี่คน เพราะว่า แท็กซี่คันนึงนั่งได้ 4-5 คน โดยจะมีป้ายสติ๊กเเกอร์แปะเลขไว้ด้านหน้ามุมๆของรถ หลังจากจับแท๊กซี่ได้สองคัน คันแรกมี เรา นิว ปู มนัส เราสบายใจมากะหัวหน้าหมู่มีแผนที่ กะอีกคัน พี่ต้อย พี่สัน อารี สั้น ไม่รู้ชะตากรรรม เพราะโชเฟอร์ขับรถเร็วมากแซงไปแล้ว แต่พวกเราก็คิดว่าเค้า(โชเฟอร์)ทั้งสองเข้าใจที่ที่เราจะไป แต่แล้วเค้าทั้งสองก็เข้าใจแค่ครึ่งเดียว เพราะพามาตรงถนน Grand View จริงๆแต่มันไม่ใช่โรงแรมที่หัวหน้าหมู่ติดต่อไว้ แ่ต่ที่สำคัญนะไอ้คันหน้ามันลงรถแล้ว อ้าวเฮ้ย ยังไม่ใช่นะ หัวหน้าหมู่เริ่มตกใจ บอกคนขับว่าไม่ใช่นะ ไม่ใช่ แต่ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ห้ามอีกคันไม่ทันแล้ว พวกนั้นเหมือนโดนไล่ลงจากรถ แล้วแท๊กซี่มันก็กะลังจะขับรถออกไป หัวหน้าหมู่ตะโกนบอกขึ้นรถๆๆกลับขึ้นรถ แต่หัวหน้าหมู่ครับหัวหน้าหมู่อยู่ในรถ พวกนั้นมันจะได้ยินได้ไงละเว้ย ทันใดนั้นเอง คนขับรถฝั่งเราสิมันไขกระจกรถลงตะโกนโวกแวก ประมาณ "โช โว เย ฉี โช โว เย ฉี ฉีๆๆๆๆๆๆ" ไรของมันฟ่ะ ดังมาก ทุกคนเครียด เราไม่รู้มันต้องการอะไรจากเรา มันตะโกนไปชี้ไปที่รถอีกคัน ก็คิดว่าจะให้กลับขึ้นรถ ก็ไม่ใช่ จนเราก็ร้องอ๋อออออ คือสมุดพี่สันตกที่ถนน เค้าบอกให้ไปเก็บ เฮ้อออออ เราต่างโล่งใจ คิดว่ามันโกรธใคร แต่แล้วด้วยน้ำใจคนขับคนนี้แหละเราซึ้งใจ เค้าลงไปถามคนแถวนั้นให้ก็รู้ว่า Grand View Hotel มันไม่มีอยู่จริง แต่โรงแรมที่เราจะไปอ่ะก็อยู่เส้นนนี้แหละแต่มันชื่อ Tai san GuestHourse ซึ่งก็มาถูกถนนแล้วแต่เลี้ยวไปอีกทางคนละฝั่งกัน ซึ่งจริงๆแล้วเค้าจะให้เราขึ้นรถอีกรอบก็ได้แล้วพาไปวนๆเพื่อไปส่ง แ่ต่เค้าก็ไม่ทำ เค้าบอกกะพวกเราว่า เนี่ยเดินย้อนไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว นี่แหละซึ้งใจจริงๆ สรุปเสียค่าแท๊กซี่ไปประมาณ 42 เหรียญ

      แล้วพวกเราก็เดินย้อนกลับมาเส้นเดิมตามคำบอกของคนขับแท๊กซี่ ด้วยความตาดีของเราเอง ก็เห็นป้ายที่มีเบอร์โทรศัพท์ ตรงกับใบจองของหัวหน้าหมู่ ก็เลยร้องบอกนั่นไงๆ ถึงแล้ว เดินมาไม่ไกลจริงๆ แต่นึกสภาพพวกเสล่อ 8 คนเดินลากกระเป๋าแกร่กๆตามถนนสายช้อปปิ้งของเค้า ฮ่าๆๆๆ พอถึงก็เดินเข้าไปเป็นทางเข้าแคบๆมีลิฟท์แคบๆ สองฝั่ง สำหรับจอดฝั่งคี่กะจอดฝั่งคู่ เราต้องไปชั้น 8 เราก็ยืนรอฝั่งคู่ และให้คนก่อนหน้าขึ้นไปก่อน เพราะว่าลิฟท์ขึ้นได้ประมาณสองสามคนเท่านั้น หลังจากรอลิฟท์กลับมา เปิดปุ๊บ อาซิ่มที่ไหนไมู่รู้เดินเข้าไปเลยตัดหน้าพวกเราเฉย ไรกันเนี่ย เรากะปู มนัสเลยตัดสินใจ ขึ้นฝั่งคี่ก็ได้ฟ่ะ โดยจะขึ้นไปเซอเวย์ก่อน ก็ขึ้นไปลงชั้น 9 แล้วเดินลงบันไดมา ดันมีของขวางบันไดอีกทุลักทุเลมากๆ แล้วก็มาถึงหน้าประตู กด อ๊อด เรียกเค้า โอ้ววว ถูกต้องตามที่จ้อง เราจองไว้ 4 ห้องด้วยกัน สรุปก็นอนห้องละสองคน ห้องนอนแต่ละห้องมี คอมพิวเตอร์มีอินเตอร์เน็ตให้เล่นด้วย และสามารถสลับเป็นทีวีก็ได้แต่ก็ไม่รู้จะดูอะไร ดูไม่รู้เรื่อง เลยเล่นเน้ตดีก่า ห้องโอเคอยู่ ห้องน้ำแคบไปหน่อย แต่ก็โออยู่ พวกเราตกลงกันว่าเก็บของเข้าห้องเสร็จ แล้วเดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน เย้ๆๆๆ ได้เวลากินข้าวแล้ว อยากได้ข้าวมากเพลานั้น

      แล้วพวกเราก็ลงไปกินข้าวกัน พอดีทุกคนเหลือบเห็นร้านนึงที่ห้อยเป็ด ห้อยไก่ไว้ ก็คิดว่าร้านนี้แหละ ใกล้ที่พักด้วย ก็เข้าไปกัน ได้โต๊ะนั่งเรียบร้อย เมนูมา โอ๊ะ ทุกคน ไม่มีภาษาอังกฤษ งานเข้าแล้วเริ่มมองซ้ายมองขวา จะชี้ว่าเอาแบบโต๊ะนั้นอ่ะ เอาไงดีฟ่ะ พอดีด้วยความโชคดีของเรา โต๊ะหลังเราเข้าได้ยิน เค้าก็ถามมาว่า สั่งให้ไหมครับ โอ้วววว คนไทยเว้ยยย ทุกคนตอบพร้อมเพรียง เอาค่ะ ได้ครับ ฮ่าๆๆๆ แล้วเค้าก็สั่งอาหาร คล้ายๆอาหารแนะนำมาให้ น่ากินมาก โดยเฉพาะผัดผักกวางตุ้งราดซอสหวาน กินกับข้าวร้อนๆ สุดยอด แล้วก็เกาเหลาเนื้อ ก็แบบเนื้อเป้นเนื้อ แล้วก็ เป็ดกะหมูกรอบ อร่อยมากๆๆๆๆ เพราะหิวมากด้วย หลังจากกินเสร็จ แล้วก้ตกลงกันว่าจะจ่ายเงินไว้ที่หัวหน้าหมู่คนละ 500 เหรียญ เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายส่วนกลาง โอเช กินเสร็จ โปรแกรมต่อไปสำหรับเย้นนี้ คือไปดูการแสดงแสงสีเสียงที่ริมน้ำ จุดขายของฮ่องกงเค้า จะเริ่มประมาณเวลา 2 ทุ่ม แต่ตอนนี้นั้นเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ก็เลยตกลงกันว่า ขึ้นห้องพักไปนอนพักกันสักงีบก่อน แล้วประมาณ 5 โมงครึ่งแล้วจะออกเดินทางไปดู โดยใช้วิธีการเดินไป โอเช ตามนั้น ก็ขึ้นไปนอนพักกัน เราไม่ง่วงก็เล่นอินเตอร์เน็ตไป

      และแล้วเวลา 5 โมงก็มาถึงอย่างรวดเร็ว เหมือนยังไม่หายเหนื่อยกันเลย หัวหน้าหมู่กระทิงก็มาเคาะห้องเรียกให้เตรียมพร้อมออกเดินทางไกล แล้วทุกคนก็พร้อม ไปดูการแสดงแสงสีเสียง ว่าแต่มันอยู่ตรงไหนละ เครื่องมือที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือ แผนที่ หัวหน้าหมู่กางแผนที่ดู พวกเราช่วยกันรุมดู แต่ไม่สามารถช่วยอะไรกันได้ ก็เลยเดินไปตามถนนจากที่พักลงมาเดินไปทางด้านซ้ายจนเจอถนนใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้ายที่ไฟแดง และเดินตรงอย่างเดียวเลย เดินไปจนสุดทาง นั่นแหละ ก็ยังไม่เจอ หัวหน้าหมู่ต้องไปถามคนแถวนั้น เค้าก็ชี้ทางให้ แต่ก็ไม่แน่ใจ ก็เลยเดินๆตามๆเค้าไปอีกแล้ว จนในที่สุดเราก็เจอได้ยังไงไม่รู้ เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปเล่นกัน มีหอนาฬิกาสวยๆ แล้วก็รอการแสดง เพราะตอนนั้นเวลา 6 โมงกว่าเอง เค้าเริ่มแสดง 2 ทุ่ม หัวหน้าหมู่บอกว่าถ้าวันไหนฝนตกเค้าก็จะไม่แสดง เราโชคดีที่ไม่เจอฝน ตอนนี้ก็เริ่มหามุมถ่ายรูป หาทำเลสำหรับนั่งชม และถ่ายรูปได้ด้วย ก็จับจองกันไป เพราะมันเป็นที่นั่งยาวตลอดริมน้ำ เราเลือกที่นั่งได้แล้ว ข้างหน้าเรามี หนุ่มสาวชาวฮ่องกงนั่งกอดรัดกันอยู่อย่างสวีทมาก นั่นคือสาเหตุที่เราเลือกนั่งตรงนี้ จะได้ดูทั้งการแสดงแสงสี และการแสดงของคู่นั้นไปพร้อมๆกัน ฮ่าๆๆๆ เค้าจะรู้ตัวไหมเนี่ยว่าเป็นนักแสดงประกอบฉากให้พวกเราดู และแล้วเวลา 2 ทุ่ม ก็มาถึง การแสดงเริ่มขึ้น สวยงามมาก ทุกตึกทั้งสองฝั่งเค้าให้ความร่วมมือในการแสดงครั้งนี้ เห็นหัวหน้าหมู่บอกว่า ถ้าขึ้นไปดูบนเขาอีกฝั่งนึงก็จะได้อีกบรรยากาศนึง โดยขึ้ยรถรางขึ้นไป ซึ่งหัวหน้าหมู่กะสามีก็ขึ้นไปในวันถัดไปเหมือนกัน แต่พวกเราไม่ได้ไป เพราะอยู่ที่ดีสนีย์แลนด์ถึงมืดเหมือนกัน แต่เห็นบอกว่าดูข้างล่างนี่แหละสวยแล้ว การแสดงประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็จบ แล้วมีการฉายรูปใบหน้าคนดังๆของฮ่องกง และคนดังๆจากทั่วโลก ไปที่ตึกข้างหลังที่นั่งดูการแสดง ซึ่งเหมือนจะน่าสนใจ แต่ก็ไม่น่าสนใจ เพลงประกอบก็น่ากลัวมาก พวกเราเลยตัดสินใจเดินทางกลับไปหาอะไรกินก่อนกลับที่พัก

      แน่นอนระหว่างทางเดินเราก็ถ่ายรูปกันไปเรื่อย ถ่ายไปถ่ายมาก็หายกันไปทีละคนสองคน เราอยากฉี่มากๆ แต่แถวนั้นไม่มีห้องน้ำเลย หรือมีแต่เราไม่รู้มั้ง ต้องรีบเดินมาเรื่อยๆจนเจอสตาร์บั๊กจึงได้เข้าห้องน้ำ และนั่งรอพวกที่เหลือ เราเดินมากับ นิว กะ สั้น ก็เลยนั่งรอ พี่ต้อย พี่สัน อารี ปู และ มนัส แล้วสักพัก พี่ต้อย พี่สัน อารีก็เดินตามหลังมา หลังจากที่ทุกคนเข้าห้องน้ำเสร็จ ก็ลยนั่งรอปูตอนนั้นเวลาประมาณ 20.45 เรานั่งรอจน 21.30 นานแล้วก็ยังไม่มา ก็เลยคิดว่าไอ้ปูหัวหน้าหมู่ของเราคงกลับอีกทางไปแล้ว เราเลยตัดสินใจกลับกันเลย แต่มารู้ทีหลังว่า ปูกะสามี นั่งรอพวกเรา ก่อนที่จะถึงที่พวกเรานั่งรอ อืมม แล้วมันจะเจอกันไหมเนี่ย ตอนนั่งรอก็คือว่าเนี่ยถ้ามีโทรศัพท์ก็คงจะมี แต่ตอนแรกเราไม่คิดว่าจะหลงกันแบบนี้เลยไม่ได้ซื้อมา แต่ขอบอกหลงกันทุกวันเลย ระหว่างทางเดิน ก็หลงทางอีก ว่าเราต้องกลับทางไหน งงไปหมด เจอสาวฮ่องกงน่ารักคนนึงเราก็เลยถามทางเค้าว่าเราจะไปถนน นาธาน โรด เนี่ย ไปทางไหน เค้าก็งง เพราะว่าเค้าไม่ได้อ่านว่านาธานโรดอ่ะ อ่านประมาณว่า นะธัน อะไรสักอย่าง แต่เค้าก็เข้าใจ เค้าบอกว่าให้เดินตามเค้ามา เพราะเค้าก็กำลังจะไปเหมือนกัน เราก็เลยเดินตามๆเค้าไป ฮ่าๆๆ จนออกไปเส้นถนน นาธานโรด ที่เราคุ้นเคย ก็เลยร่ำลาและขอบอกขอบใจเค้า

      แล้วก็เดินกลับทางที่พักเรา และพวกเราก็ได้ไปเซอเวย์ว่ามีอะไรให้กินบ้าง สำรวจหลายร้านก็ตกลงใจกันว่าจะกินร้านเกี๊ยวกุ้งนี้แหละ และก็ไม่ผิดหวัง เกี๊ยวเป็นเกี๊ยวจริง ในเกี๊ยวมีกุ้งกอดคอกันตายประมาณสิบกว่าตัว ถ้าเป็นบ้านเรา ในเกี๊ยว 1 อันคงมีกุ้งแค่ครึ่งตัว และก็ได้สั่งผัดผักเพิ่ม พี่ต้อยชอบกินมาก กินกันจนจุก เพราะว่าเยอะมาก อ่อ ที่เลือกร้านนี้อีกอย่างเพราะว่า ราคา มันค่อนข้างถูกกว่าร้านอื่น เกี๊ยวชามละประมาณ 20 เหรียญ นั่นคือถูกสุดในย่านนั้นแล้ว ถูกและเยอะมาก แนะนำให้ไปกินกันเลยร้านนี้ หลังจากกินเสร็จก็ไปเซเว่นกัน หาซื้ออะไรขึ้นไปกินกัน และที่สำคัญแวะซื้อน้ำมะม่วงปั่นขึ้นชื่อของที่นั่น อืมมม อร่อยจริงๆ มีหลายสูตรให้ลองชิม เราเลือกสูตร A2 เหมือนจะมีว่านหางจรเข้ผสมแทนวุ้นด้วย ตกแก้วละ 40 เหรียญ แต่ถ้าเราซื้อเหมือนกันสองแก้ว จะได้ราคาแก้วละ 35 เหรียญ หลังจากได้ของกินเล่นก็ขึ้นที่พัก ปรากฏว่าไอ้หัวหน้าหมู่ของเรายังไม่มาเลยครับ เราก็เลยมานั่งคุยกัน สักพักปูก็กับมา มันบอกว่า รอเรานานมาก แล้วมันก็ไปเดินเที่ยวไม่ได้กินอะไร

      หลังจากนั้นก็มาตกลงการเดินทางพรุ่งนี้กัน ว่าเราจะเดินไปดิสนีย์แลนด์ ส่วนไอ้ปูกะสามี จะไปนั่งกระเช้าแก้วและไปพระใหญ่ และหัวหน้าหมู่ก็ได้ปี๊บโปรแกรมของวันพรุ่งนี้ให้อีกทีว่าเราต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้า โดยซื้อตั๋วรถแบบเหมา ราคา 150 เหรียญ เรียกว่าบัตร octopus เราจะใช้ไปกลับดิสนีย์ และยังเหลือสำหรับอีกวันได้ด้วย ส่วนพรุ่งนี้ปูจะไปร่วมถ่ายรูปหน้าดิสนีย์กับเราก่อน แล้วค่อยเดินทางไปพระใหญ่นั่นเอง เป็นอันว่าหมดไป 1 วันสำหรับการเดินทางไกลในต่างแดนของพวกเราชาวหมู่กระทิง คืนนี้ก็แยกย้ายกันอาบน้ำ และนอนพักผ่อน เพราะแต่ละคนเพลียมาก วันนี้เรียกว่าเดินมาทั้งวันเลย ปวดขากันไปตามๆกัน แต่ก็สนุกดี วันแรกก็หลงกันแล้ว พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเราชาวหมู่กระทิงสู้ๆ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน บ๊ายบาย ราตรีสวัสดิ์

ฮ่องกง-มาเก๊า ตอนที่ 1

บันทึกการเดินทาง ฮ่องกง-มาเก๊า ประสบการณ์ที่ยากจะลืม ตอนที่ 1

เริ่มต้นของเื่รื่องนี้คงคล้ายๆหลายๆคนก็คือความน่าสนใจของ โปรฯ 0 บาท แอร์เอเชียนั่นเอง เมื่อ พฤศจิปี'52 ที่ผ่านมาเราเหมือนจะบังเอิญกึ่งตั้งใจหาโปรฯ 0 บาทนี้ แล้วก็คิดว่าอืมมม เราน่าจะลองไป มาเก๊า ดูนะ เหมือนจะน่าสนใจมีอะไรให้เที่ยวเยอะก็ search ดูปรากฏว่า เฮ้ย มีเว้ย 0 บาท ทีนี้ก็วางแผนต่อ เราจะไปกันกี่คนดี หรือจะชวนพวกเพื่อนไปร่วมชะตากรรมการเดินทางครั้งนี้ด้วย สรุปกับนิว แล้วก็บอกว่า ลากพวกมันไปให้หมด ฮ่าๆๆๆ ปัญหาคือ เวลานั้นเป็นเวลาตีสองกว่าๆทำไงดีละเนี่ย จะจองตั๋วก็ต้องมีรายละเอียดเยอะเลย ทั้งหมายเลขบัตรประชาชน ทั้งชื่อ สกุล ที่เป็นภาษาอังกฤษ

แต่ก็นะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วต้องลองดู ก็โทรไปชวนและถามรายละเอียดซะทีเดียวเลย ตอนนั้นนึกถึงไอ้ปูอีกคน ก็เลยให้นิวทำหน้าที่ชวน พี่ต้อย พี่สัน อารี สั้น และ พัชรี ผลตอบรับดีเยี่ยม พวกนั้นไม่ฟังรายละเอียดอื่นใด แค่ถามว่าไปมาเก๊าไหมโปร 0 บาท ทุกคนตอบคำเดียวว่า ไป พร้อมบอกรายละเอียดที่จะขอ แล้วก็ไปนอนต่อ ยกเว้นอารีคนเดียวก็โทรแล้วไม่รับไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ แต่พออารีทราบเรื่องตอนเช้าก็ให้จองเพิ่มโดนทันทีไอ้พวกใจง่ายเอ้ย หารู้ไม่ว่าจะต้องไปเจออะไรต่ออะไร โฮะๆๆๆ อีกทางก็คือไอ้ปู เราก็โทรไปเอง คิดว่ามันคงไม่รับแต่มันดันรับ โฮะๆๆ เสร็จเรา ถามมันว่าจะไปไหมมาเก๊า มันก็สลึมสลือบอก เออไป แล้วก็ถามรายละเอียดมันกะมนัส มันก็ต้องหย่องเบาไปค้นหารายละเอียดมนัส แบบไม่ให้คุณสามีรู้ตัวได้ว่ามันจะแอบจองตั๋วไปเที่ยวกะพวกเรา โฮะๆๆๆ สำหรับอารีจองช้า เลยได้กลับช้ากว่าพวกเราไฟว์นึง สรุปก็เป็นอันเรียบร้อย ผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 9 คน เย้ บางคนจะได้ไปต่างประเทศทริปแรก ถึงกับลั่นวาจาว่าจะเก็บเงินสำหรับเที่ยวทริปนี้เดือนละเท่านั้นเท่านี้





วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกต่างคนต่างมีภารกิจมากมาย เงินเก็บที่ว่าจะเก็บก็ไม่ได้เก็บ ใกล้ถึงวันเวลาที่จะเดินทาง เริ่มต้องหาข้อมูลท่องเที่ยว หน้าที่นี้ไอ้ปูรับไปเต็มๆ หาข้อมูลที่เที่ยวที่พัก ลองวางโปรแกรมและค่าใช้จ่ายส่งเมล์มาให้ดู และก็มีทางนิว และพี่ต้อย ที่ช่วยกันหาข้อมูลอื่นๆอีกแรงสองแรงก็ช่วยกันไป ช่วงนี้ก็ได้รับข่าวร้ายจากพัชรีว่าไม่ไปแล้ว โหย อด full team เลย แถมยังมีสั้นที่ยังไม่แน่ไม่นอนกับชีวิต เรื่องที่ต้องลางาน เป็นครูใจแตกหนีเด็กเที่ยว แล้วสั้นนี่จนนาทีสุดท้ายจริงๆถึงรู้ว่าได้ไป ก็โอเคดีใจๆ สรุปว่าเหลือสมาชิกกัน 8 คน รายชื่อดังต่อไปนี้

  • หนึ่ง (เราเอง)
  • นิว
  • ปู
  • มนัส
  • พี่ต้อย
  • พี่สัน
  • เจี๊ยบ (สั้น)
  • อารี

    และก็มี sms มาจากแอร์เอเชียว่ายกเลิกเที่ยวบินของอารี ให้รวมมาเที่ยวเดียวกับเรา เย้ อารีก็ไม่ต้องกลับคนเดียวแล้ว แถมได้นั่งแทนที่พัชรี ไม่ต้องแยกไปนั่งคนเดียว การหาข้อมูลทำอย่างเต็มที่ทุกวันทุกเวลาโดยเฉพาะไอ้ปูแทบไม่ได้ทำงาน 555 ใกล้วันเข้ามาทุกที ต่างคนต่างช่วยกันคิดว่าจะเลือกโรงแรมที่ไหน และก็ช่วยกันคิดว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง รวมไปถึงชุดกันฝนที่ฝากพี่ต้อยซื้อ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้หยิบออกมาใช้เลย ซึ่งมันหนักมาก เพราะว่าฝนมันไม่ตกตอนเราเที่ยวเลย อีกหนึ่งเรื่องที่ขาดไม่ได้กับคำเรียกร้องของเด็กๆ ว่าอยากไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง เราก็ต้องหาตั๋วจากเมืองไทยไปเลย เพราะว่ามีขายอยู่ จะได้ไม่ต้องไปยืนต่อคิวยาวๆซื้อที่หน้าดิสนีย์(เค้าว่าอย่างงั้น) ก็หาข้อมูลว่ามีที่ไหนขายตั๋วบ้าง จะเป็นหน้าที่ใครไปไม่ได้นอกจาก ไอ้ปู มันก็จัดการหาและไปรับของจ่ายเงินล่วงหน้าให้เรียบร้อย แต่ตัวมันเองกะสามีมันไม่เข้าด้วย ก็เลยซื้อแค่ 6 ใบ ใบละ 1,470 บาท หน้าตาของตั๋วก็เป็นเยี่ยงนี้


  • และที่ต้องทำอีกอย่างคือเตรียมแลกเงินฮ่องกงไปด้วย เพราะเงินฮ่องกงใช้ได้ทั้งที่ฮ่องกงและมาเก๊า แต่เงินมาเก๊าจะใช้ที่ฮ่องกงไม่ได้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยประมาณก็ 4.20 บาท ไทย จะได้ 1 เหรียญฮ่องกง โอ้ววว แลกไปเปไปคนละหมื่น แต่ได้เงินกลับมาน้อยนิด เอาวะเราให้สัญญาว่าจะเที่ยวอย่างประหยัด
    สำหรับโรงแรมที่ฮ่องกง เราเลือกพักที่ Tai san GuestHouse
    สำหรับโรงแรมที่มาเก๊าเราเลือกพักที่ Riviara Hotel (จำชื่อนี้ให้ดี หลังๆมีฮา)

    หลังจากได้ข้อมูลค่อนข้างครบ และเตรียมความพร้อมแล้ว เราก็ได้นัดแนะกันวันวันเดินทาง ว่าจะเจอกันที่สนามบินสุวันนะหะพูหมีเวลาตี 5 กว่าๆ เพราะเครื่องออก 7 โมงกว่าๆ พอถึงวันจริง ได้เวลาออกเดินทางแล้ว เย้ๆ เราก็ออกเดินทางไปสนามบินตามนัด ด้วยรถแท๊กซี่ 2 คัน จากซอยแบริ่ง คันเราก็มี เรา นิว สั้น อีกคันมี อารี พี่ต้อย พี่สัน พวกเราออกจากบ้านกันประมาณตี 5 ครึ่ง ส่วนไอ้ปูบ้าเหอไปถึงสนามบินตั้งแต่ตี 5 แล้ว มันกลัวมากว่าทริปนี้จะล่มอีก 555 แล้วไปถึงก็โทรถามมันว่ารออยู่แถวไหน มันบอกแถวตัว J เราก็เดินไปตรงตัว J ไม่เจอมัน ปรากฏว่าคนละ J หรือ J คนละฝั่งนั่นเอง เริ่มแรกเลยนะเนี่ย ก็เริ่มหลงกันแล้ว จะรอดไหม ติดตามดูกันตอนต่อไป


    เริ่มต้นเขียนซะที

    จะทำเองก็ไม่ได้ทำซะที
    เอา Blogger นี่แหละฟะ
    ไม่งั้นคงไม่ได้เริ่ม
    งานเยอะ เวลาว่างน้อย
    ลองดูสักตั้ง